tanichitan

News

ตลาดหวังเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้า ดัน SET INDEX ปิด +6.07 จุด

หุ้นไทยปิดตลาด +6.07 จุด โบรกฯ ชี้นักลงทุนซึมซับปัจจัยลบไปพอสมควรแล้ว ทั้งเรื่องสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ตลอดจนถึงวิกฤตเงินเฟ้อและราคาพลังงานพุ่งสูง หวังการท่องเที่ยวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่ช่วง Q2 นี้เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลดีต่อเม็ดเงินลุงทุนจากต่างประเทศที่จะไหลเข้ามาต่อเนื่อง พร้อมประเมินกรอบการลงทุนสัปดาห์หน้าแนวรับที่ 1,685 จุด และแนวต้านที่ 1,720 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 1 เม.ย. 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +6.07 จุด หรือ +0.36% โดยปิดตลาดที่ 1,701.31 จุด มูลค่าการซื้อขาย 68,941.19 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งกว่าภูมิภาค โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,701.99 จุด ในทางกลับกันปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,690.70 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 686 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 633 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 962 หลักทรัพย์

ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -2,407.41 ล้านบาท และบัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -320.75 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า 1,875.12 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า 853.04 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.SCB มูลค่าการซื้อขาย 4,094.60 ล้านบาท ปิดที่ 121.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.00 บาท
2.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,697.25 ล้านบาท ปิดที่ 163.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
3.SVOA มูลค่าการซื้อขาย 2,309.85 ล้านบาท ปิดที่ 3.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.46 บาท
4.TEAMG มูลค่าการซื้อขาย 2,182.92 ล้านบาท ปิดที่ 6.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.85 บาท
5.PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,552.90 ล้านบาท ปิดที่ 38.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCB ปิดที่ 121.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.00 บาท หรือ 6.14%
2.DVANC ปิดที่ 236.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 1.29%
3.JMT ปิดที่ 79.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 2.60%
4.KBANK ปิดที่ 163.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 0.93%
5.BLA ปิดที่ 44.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 2.89%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.AEONTS ปิดที่ 193.00 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 1.28%
2.BGRIM ปิดที่ 34.00 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ 3.55%
3.IVL ปิดที่ 45.50 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 2.15%
4.GPSC ปิดที่ 71.25 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 1.38%
5.PTTGC ปิดที่ 50.00 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 1.48%

ด้านดัชนี SET100 ปิดที่ 2,321.94 จุด เพิ่มขึ้น 8.48 จุด หรือ 0.37% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 1,023.66 จุด เพิ่มขึ้น 3.99 จุด หรือ 0.39% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 672.17 จุด เพิ่มขึ้น 9.26 จุด หรือ 1.40%

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้น โดยสามารถยืนเหนือระดับ 1,700 จุดได้ ซึ่งแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกและลบสลับกัน เนื่องจากนักลงทุนน่าจะซึมซับปัจจัยลบไปค่อนข้างมากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความไม่แน่นอนระหว่างรัสเซียและยูเครน การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และยังได้ปัจจัยหนุนจากโมเมนตัมเศรษฐกิจไทยที่คาดจะฟื้นตัวได้ดีในช่วงกลางปีนี้เป็นต้นไป จากการท่องเที่ยวและการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลดีต่อเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ไหลเข้ามาต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน นักลงทุนควรติดตามการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของกระทรวงพาณิชย์ ในวันที่ 5 เม.ย.65 และตัวเลขภาคการบริการของสหรัฐฯ ยุโรป และจีน รวมถึงการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน

ส่วนแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้าคาดว่า ตลาดน่าจะแกว่งไซด์เวย์ ถึงไซด์เวย์อัป ให้แนวรับไว้ที่ 1,685 จุด และแนวต้าน 1,720 จุด

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket

You may also like...